เรียนภาษาอังกฤษจากเพลงฝรั่งดีมั้ย?

นี่คือหนึ่งในคำถามที่ลูกศิษย์ผมชอบถามอยู่บ่อยๆ

ขอตอบอย่างนี้ครับ มันมีข้อดีและข้อด้อยอยู่เหมือนกันนะ

ถ้าให้เลือกคำตอบเดียวว่า “ดี” หรือ “ไม่ดี”... ผมขอเลือก “ดี” ไว้ก่อน

อย่างน้อย...การฟังเพลงฝรั่งก็ได้ฝึกภาษาอังกฤษมากกว่าการฟังเพลงไทยอยู่แล้ว (มันแน่สิ!)

พูดถึงข้อดีก่อนละกัน


ข้อดี ที่ถือว่าดีที่สุดของการฝึกภาษาอังกฤษจากเพลงฝรั่งเลยคือ...
มันให้ความบันเทิงกับคุณ ทำให้คุณมีใจที่อยากจะรู้ความหมายของเพลงที่คุณชอบ
อยากจะร้องเพลงนี้ได้ เผื่อไว้ไปร้องให้คนอื่นฟัง

การที่คุณอยากรู้ความหมายของเพลงฝรั่งสักเพลง...คุณก็จะเริ่มขวนขวายหาคำแปล คุณก็จะได้ศัพท์ใหม่ๆ ไป สำนวนใหม่ๆ ไปใช้ได้ ก็ดีออก!

ผมขอแถมวิธีหาคำแปลเพลงฝรั่งในเน็ทที่ผมใช้ประจำคือ เข้า Google แล้วพิมพ์คำว่า “แปลเพลง (เว้นวรรคแล้วตามด้วย
ชื่อเพลงฝรั่งที่คุณต้องการ หรือจะใส่ชื่อนักร้องไปด้วยก็ได้)” เช่น แปลเพลง Rolling in the deep Adele เป็นต้น
เพียงเท่านี้คุณก็จะหาคำแปลเพลงได้แทบทุกเพลงแล้วล่ะ สาเหตุที่ผมใช้ภาษาไทยว่า แปลเพลง เพื่อให้ได้คำแปลเป็นภาษาไทยไงครับ

แต่หากคุณอยากจะหาเนื้อร้องและฝึกร้องตาม ก็ใช้เทคนิคเดียวกันได้ตามด้านบน มักจะมีเนื้อร้องมาให้อยู่แล้ว
หรือหากอยากได้เฉพาะเนื้อร้องที่เป็นภาษาอังกฤษ อาจค้นหาใน Google คำว่า “lyrics (ตามด้วยชื่อเพลง)”
เช่น lyrics Rolling in the deep เป็นต้น เห็นมั้ยว่าง่ายจะตายไป!

ข้อดีของการฟังเพลงฝรั่งนอกจากคุณได้รู้คำศัพท์ในเพลง ได้หัดแปลความหมาย ได้ออกเสียงภาษาอังกฤษ
ตามให้เหมือนนักร้องที่คุณชื่นชอบแล้ว อีกสิ่งที่คุณจะได้อย่างไม่รู้ตัวและสำคัญในการพูดภาษาอังกฤษซะด้วยสิ คือ....

รูปประโยค เช่น คุณฟังเพลง Yesterday Once More ของ Carpenters บ่อยๆ (เพลงนี้ตั้งแต่ปี 1973
ผมยังไม่เกิดเลยนะ...ดีไม่ดียังไม่ตายจากชาติที่แล้วเลยด้วยมั้ง! 555 สมัยรุ่นพ่อแม่ผมเลย แต่ผมก็ชอบวงนี้มากๆ
เค้าร้องเพราะมากครับ) เริ่มต้นเพลงก็คือ When I was young I’d listen to the radio. เวลาคุณร้องเพลงนี้บ่อยๆ
รูปประโยคนี้มันจะติดเข้าไปในหัวคุณแบบไม่รู้ตัว ซึ่งวันดีคืนดี เวลาคุณใช้ภาษาอังกฤษแล้วอยากจะเท้าความไปตอนเด็กๆ
คุณก็จะหลุดปากมาได้อย่างอัตโนมัติว่า When I was young…. โดยที่ไม่ต้องคิด grammar เลยว่าเป็นเหตุการในอดีต
ต้องใช้ was หรือ were แล้ว I ต้องใช้กับอะไรนะ? แถมใช้ได้อย่างถูก grammar เป๊ะเลย เป็นไง...ดีมั้ยล่ะ?

ยกตัวอย่างอีกสักเพลง เช่น เพลง How do I live? เพลงประกอบหนัง Con Air ที่โด่งดังมากในอดีต หากคุณฟังจนติดหู
คุณก็จะได้รูปประโยค How do I… ? คุณสามารถนำประโยคไปดัดแปลงใช้กับคุณได้ เช่น

How do I go there? ฉันไปที่นั่นได้ยังไง?
How do I cook this? ฉันจะทำ(กับข้าว)อันนี้ได้ไง? ฯลฯ


ความนี้มาดูจุดด้อยของการฝึกภาษาอังกฤษจากเพลง มันมีอยู่นิดนึงตรงที่...คุณจะไม่ได้ intonation หรือเสียงขึ้นลง
แบบที่ฝรั่งเค้าใช้พูดกันตามธรรมชาติ เพราะเพลงจะมีเสียงขึ้นลงตามทำนองหรือ melody ที่คนแต่งเพลงเค้าแต่งมาครับ

ผมเปรียบเทียบอย่างนี้ละกัน ความแตกต่างเหมือนเสียงขึ้นลงของคุณเวลาคุณเม้าท์กับเพื่อนกับเสียงขึ้นลงของคนเล่นละครเวที
ที่ร้องออกมาเป็นเพลง....คุณจะเห็นว่า เราจะไม่ใช้สำเนียงเสียงขึ้นลงในชีวิตประจำวันเหมือนกับการร้องเพลง

ซึ่งข้อด้อยตรงนี้...สามารถฝึกได้จากการพูดตามหนังฝรั่ง ซีรี่ส์ฝรั่ง หรือคลิปใน YouTube ครับ


สรุป...จริงๆ แล้วการฝึกพูดตามหนังฝรั่งหรือคลิปของฝรั่งจะดีกว่าการฝึกจากเพลงเพราะได้ท่วงทำนอง (intonation) มาด้วย
แต่ถ้าให้เลือกฟังเพลงไทยหรือฝรั่งดี? ...แน่นอน...เลือกฟังเพลงฝรั่งดีกว่าอยู่แล้ว จะได้ฝึกภาษาไงครับ

พยายามใช้ความอยากของคุณให้เป็นประโยชน์ในการผลักดันให้ตัวคุณเองเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากเพลง ไม่ว่าจะอยากร้องเพลงนั้นได้
อยากรู้ความหมายของเพลง ก็พยายามขวนขวายหาเนื้อเพลง หาคำแปลดูนะครับ

เพลงนึงที่ผมแนะนำให้ฟังสำหรับผู้อยากฝึกภาษาอังกฤษเพราะนักร้องออกเสียงชัดมากๆ เสียงลงท้าย (ending sound)
ชัดสุดๆ เธอคือ Vanessa Williams ลองฟังเธอร้องในเพลง Colors of the wind ดูใน YouTube แล้วค้นหาคำว่า
Colors of the wind by Vanessa Williams หากอยากเห็นปากเธอตอนร้องก็ให้เพิ่มคำว่า live เข้าไปอีกคำต่อท้าย
เพื่อดูการร้องสดๆ ของเธอ หรือเข้าไปตาม link นี้ได้เลย

http://youtu.be/H8UIfeFkdsA

วันนี้ให้ความรู้เต็มๆ น่าจะกระจ่างแจ้งกันทุกประเด็นแล้วนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันครับ

Kru Fiat


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 90,511